Skip to content Skip to sidebar Skip to footer

เปรียบเทียบ Tiktok vs Instagram Reels ใช้แพลตฟอร์มไหน ธุรกิจโตไวกว่า?

Tiktok Reels Instagram เปรียบเทียบ

วิดีโอสั้น คือมิติใหม่ของการตลาดในยุคนี้?

กระแสของคลิปวิดีโอสั้นเริ่มมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่โควิดระบาดหนัก โดยผู้นำเทรนด์กระแสดังกล่าวนั้นจะเป็นแอปฯ ใดไปไม่ได้ นอกจาก ‘Tiktok’

Tiktok ได้พัฒนาตัวเองให้เป็นมากกว่าแอปพลิเคชั่นวิดีโอสั้นเพื่อความบันเทิง โดยเริ่มมีการเพิ่มฟีเจอร์ Tiktok Shop เข้ามาเพื่อรองรับความต้องการซื้อขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (E-Commerce) และปฏิเสธไม่ได้ว่าได้การสร้างคลิปวิดีโอสั้นที่มาพร้อมท่าเต้นที่เต้นตามได้ง่าย ช่วยสร้างกระแสไวรัลให้กับเพลงอีกมากมายจนกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ต

จุดเด่นของวิดีโอสั้น คือ เนื้อหารูปแบบนี้สามารถดึงยอด Engagement ได้ดีกว่ารูปแบบอื่น เนื่องจากดึงความสนใจไว้ได้นานกว่ารูปภาพ และไม่ต้องใช้เวลาดูนานเท่าวิดีโอยาว ที่สำคัญ ยิ่งวิดีโอสั้น ก็ยิ่งได้ยอดวิวจากการวนดูซ้ำที่สูงขึ้น (Repeat Rate) ดังนั้น การแวะเข้าไปดูคลิปสั้นๆ เพียงคลิปละ 1 นาที ก็อาจจะทำให้เราเลื่อนดูคลิปอื่นๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนนานเป็นชั่วโมง ส่งผลให้ Tiktok มียอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นนานกว่า 197.8 ล้านชั่วโมงต่อวัน

การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Tiktok ทำให้มีแอปฯ คู่แข่งหลายเจ้าพยายามที่จะดึงทั้งยอดผู้สร้างผลงาน (Creator) และยอดผู้ใช้งาน (User) ให้มาใช้เวลาอยู่บนแอปฯ ของตัวเองให้ได้นานที่สุด โดยเพิ่มฟีเจอร์การสร้างวิดีโอสั้นขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็คือ ‘Instagram’

แต่แม้ว่า Instagram จะเพิ่มฟีเจอร์วิดีโอสั้น (Reels) ขึ้นมา ทั้งสองแอปฯ นี้ก็ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว อย่างที่หลายคนคงจะรู้ดีว่า IG คือโซเชียลมีเดียที่สร้างมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อเอาไว้โพสต์รูปถ่ายเป็นหลัก และเพิ่งจะเพิ่มฟีเจอร์ Story เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จึงเห็นได้ชัดว่าความแตกต่างระหว่างสองแอปฯ คือ

IG เป็นแอปฯ ที่มีเนื้อหาหลักเป็นภาพถ่าย, Story และวิดิโอสั้นที่มีชื่อว่า ‘Instagram Reels’ 

Tiktok เป็นแอปฯ ที่เน้นเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอสั้นโดยเฉพาะ

เปรียบเทียบความเหมือนและความต่างระหว่าง Tiktok vs Reels

Tiktok Reels Instagram IG เปรียบเทียบ

ข้อดีของ Tiktok

  • เป็นแพลตฟอร์มสำหรับเนื้อหาแบบวิดีโอสั้นโดยเฉพาะ
  • นำเสนอวิดีโอไปยังผู้ที่อาจจะสนใจผ่านหน้า For You ทำให้แม้จะมีผู้ติดตามน้อย ก็มีโอกาสที่วิดีโอจะถูกพบเห็นโดยคนจำนวนมาก
  • มี Tiktok Shop ที่สนับสนุนการขายสินค้าออนไลน์ได้ภายในแพลตฟอร์ม
  • มีวิธีโฆษณาที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบการยิง Ad และให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มร่วมสนุกตาม Challange และ Branded Effect
  • ผู้ใช้งานใช้เวลาบน Tiktok เฉลี่ยนานกว่า IG Reels ถึง 10 เท่า

ข้อเสียของ Tiktok

  • อายุเฉลี่ยของผู้ใช้งานคือ Gen Z ทำให้กำลังซื้อสินค้าอาจจะไม่มากเท่าผู้ใช้งานบน IG Reels
  • การตลาดแบบ Influencer บนแพลตฟอร์มยังไม่แข็งแรงเท่า IG โดยคนส่วนใหญ่จะเน้นดู Tiktok เพื่อความบันเทิงและสนุกสนานมากกว่า

ข้อดีของ Instagram Reels

  • เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานสูงมากโดยเฉพาะในเอเชีย ทำให้แอคเคาท์ของแบรนด์ต่างๆ ที่มีผู้ติดตามอยู่ก่อนอาจได้ยอด Engagement จาก Reels เยอะกว่าการเปิดแอคเคาท์ใหม่ใน Tiktok
  • IG พยายามผลักดัน Reels ให้ผู้ใช้งานเห็นมากขึ้น ไม่ว่าจะบนแท็บสำรวจ, แท็บ Reels หรือดันขึ้นหน้า Feed
  • ปัจจุบัน IG ได้พัฒนาอัลกิริทึ่ม เพื่อนำเสนอวิดีโอตามความสนใจของผู้ใช้งานแล้ว (คล้ายฟีเจอร์ For You ใน Tiktok)
  • การตลาดแบบ Influencer บนแพลตฟอร์ม “แข็งแรง” กว่าใน Tiktok

ข้อเสียของ Instagram Reels

  • ผู้ใช้งานใช้เวลาบน IG Reels เฉลี่ยน้อยกว่า Tiktok ถึง 10 เท่า
  • ขาด Original Content อยู่มาก โดยวิดีโอส่วนใหญ่ใน Reels คือวิดีโอรียูส (ถูกโพสต์ซ้ำ) จากใน Tiktok มากกว่า 1 ใน 3 ของวิดีโอทั้งหมด
  • ไม่ใช่แพลตฟอร์มสำหรับวิดีโอสั้นโดยเฉพาะ ผู้ใช้งานในแอปฯ อาจจะไม่ได้สนใจ Reels มากเท่าเนื้อหารูปภาพหรือ IG Story ต่างกับ Tiktok ที่คนเข้าไปเพื่อดูวิดีโอ

ถ้าอย่างนั้น…

ลงวิดีโอในแพลตฟอร์มไหน กระแสตอบรับดีกว่ากัน?

จากการทดลองโดยทีมงาน creatopy เพื่อหาข้อสรุปจากการโพสต์วิดีโอเดียวกัน ลงทั้ง Tiktok และ Reels โดยใช้งบประมาณการยิงโฆษณาเท่ากัน กลุ่มเป้าหมายเดียวกันทั้งสองครั้ง ได้ผลดังนี้

ครั้งแรก ในเดือนตุลาคม 2564 

หมายเหตุ : แอคเคาท์ Instagram มียอดผู้ติดตามอยู่แล้วราวๆ 5,500 คน ในขณะที่เพิ่งเปิดแอคเคาท์ Tiktok และใช้ระยะเวลายิงโฆษณา 2 วัน 

ครั้งที่ 2 ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2565

หมายเหตุ : ระยะเวลาในการยิงโฆษณา 2 สัปดาห์ 

สามารถอ่านข้อมูลโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : Creatopy

Tiktok Reels IG Instagram เปรียบเทียบ

จากการทดลองทั้งสองครั้งจะพบว่าในครั้งแรก Reels ชนะ Tiktok แบบขาดลอย ทั้งในเรื่องของการเข้าถึงผู้ใช้งานและความคุ้มค่าด้านการยิงโฆษณา แต่ในการทดลองครั้งที่สองจะเห็นว่าผลลัพธ์ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก โดยทางผู้ทดลอง (ทีมงาน creatopy) ได้กล่าวว่ายอด Engagement ของแต่ละแพลตฟอร์มจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บางเนื้อหาอาจเหมาะกับอีกแพลตฟอร์มหนึ่งมากกว่า โดยได้แนะนำการสร้างวิดีโอที่เหมาะกับทั้ง Tiktok และ Reels ไว้ดังนี้

เทคนิคและเคล็ดลับ

การสร้างวิดีโอให้เหมาะกับ Tiktok และ Reels

 

Tiktok

  • พยายามให้ความยาวของวิดีโออยู่ระหว่าง 9-15 วินาที
  • ใช้เพลงและเสียงประกอบที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น
  • ใช้แคปชั่นที่กระชับ และเกี่ยวข้องกับวิดีโอ
  • การดูเอทก็ช่วยเพิ่มยอดวิวได้เยอะนะ ลองดูสิ!
  • อย่าลืมตอบคอมเมนต์เพื่อจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามนะคะ
  • วิดีโอและจังหวะภาพควรเข้ากันกับจังหวะเพลง
  • ‘ใบหน้าของคน’ เป็นอะไรที่ดึงสายตาได้ดีในวินาทีแรกๆ ของวิดีโอ และอัลกอริทึ่มของ Tiktok ชอบค่ะ

Instagram Reels

  • ลงวิดีโอที่ความสวยงามกระแทกตามาเป็นอันดับแรก
  • ใช้แค่เพลงประกอบจะได้รับความนิยมมากกว่าการพากษ์
  • คุณภาพ/การตัดต่อวิดีโอให้มีความ Cinematic (สวย จึ้ง!) ก็สำคัญนะคะ
  • การใช้เพลงที่กำลังเป็นกระแสจะช่วยเพิ่มยอดวิวได้มาก
  • นำรูปภาพมาจัดเรียง Template ใหม่ให้เข้ากับจังหวะเพลง ก็สร้าง Reels ที่ยอดวิวพุ่งได้
  • วิดีโอและจังหวะภาพควรเข้ากันกับจังหวะเพลง
  • อัลกอริทึ่มของ IG ยังไม่ชอบใบหน้าของมนุษย์มากเท่า Tiktok เพราะฉะนั้นการลงคลิปสูตรอาหาร, รีวิวคาเฟ่ หรือลงภาพวิวตอนท่องเที่ยวตั้งแต่วินาทีแรกๆ ก็สามารถสร้างยอด Reach ปังๆ ได้เลย

จากข้อมูลของ The Wall Street Jounal จะเห็นได้ว่าคอนเทนต์ที่ต่างกันก็ได้ผลตอบรับที่ต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์มจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น

Landen Purifoy : Content Creator ผู้สร้างสรรค์เพลงแนวตลกขบขัน ซึ่งได้โพสต์งานลงในหลายแพลตฟอร์มกล่าวเอาไว้ว่าผลงานของเขาได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทุกที่ ได้ยอดวิวไปกว่าล้านครั้งใน Tiktok แต่ใน Reels กลับมียอดวิวแค่ 200,000 เท่านั้นเอง

 

Danny Freeman : Content Creator เจ้าของแอคเคาท์ @DannyLovesPasta ได้โพสต์วิดีโอสูตรอาหารลงในทั้งสองแพลตฟอร์ม ผลปรากฏว่าเขาได้ยอดวิว 440,000 จาก Titkok และยอดวิวมากกว่าล้านใน Reels โดยเขาได้กล่าวเอาไว้ว่า หน้าตาวิดีโอที่ดูสวยงามนั้นมักจะดึงดูดผู้ชมใน Reels ได้ดีกว่า Tiktok

 

หรือเรียกได้ว่า ชาว IG น่าจะชอบความ ‘Aesthetic’ หรือความมีสุนทรีภาพมากกว่านั่นเอง

ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีคำว่า ‘Instagramable’ ถือกำเนิดขึ้นมา จริงไหมคะ

 

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ยอดผู้ใช้งานและระยะเวลาที่ผู้คน ‘สิงอยู่ในแอปฯ’ ด้านการดูวิดีโอนั้น Tiktok ก็ยังทิ้งห่าง Reels อยู่แบบไม่เห็นฝุ่น แต่อย่าลืมว่า Instagram เองก็เคยมีประวัติด้านการฟาดฟันฟีเจอร์ที่เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่น จนยอดผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มนั้นลดลงมาจนแอปฯ แทบร้างมาแล้ว นั่นก็คือศึกระหว่าง IG Story และ Snapchat นั่นเอง

ต้องมาติดตามกันว่าศึกระหว่างแพลตฟอร์มครั้งนี้จะซ้ำรอยกับครั้งที่แล้วหรือเปล่า เพราะดูท่าว่าทาง Meta บ้านใหญ่ของ Instagram ก็ทุ่มงบสุดตัวเพื่อผลักดันฟีเจอร์ Reels แบบเต็มกำลังเช่นกัน ซึ่งพวกเราในฐานะผู้ใช้งานและผู้ประกอบธุรกิจก็ต้องคอยศึกษาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อจะได้ใช้ผลักดันธุรกิจของเราได้อย่างดีที่สุดใช่ไหมล่ะคะ

ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์มนี้มาให้ติดตาม ซันนี่จะรวบรวมมาให้ได้อ่านกันอีกนะคะ 🙂


ขอบคุณข้อมูลจาก

Leave a comment